Tows Matrix เครื่องมือวิเคราะห์กลยุทธ์ เสริมศักยภาพทางธุรกิจ
TOWS Matrix เป็นเครื่องมือสำคัญในการวางแผนเชิงกลยุทธ์ที่องค์กรสามารถใช้เพื่อปรับตัวและเติบโตในตลาดที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ด้วยการวิเคราะห์จุดแข็ง จุดอ่อน โอกาส และภัยคุกคามขององค์กร TOWS Matrix จึงเป็นขั้นตอนต่อยอดจาก SWOT Analysis ช่วยให้สามารถสร้างกลยุทธ์ที่นำไปสู่การเติบโตและการพัฒนาธุรกิจได้อย่างเป็นรูปธรรม บทความนี้จะอธิบายว่า Tows Matrix คืออะไร และทำไมองค์กรของคุณควรใช้เครื่องมือนี้ในการวางแผนกลยุทธ์
Highlight
- TOWS Matrix เป็นเครื่องมือวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ที่ช่วยสร้างกลยุทธ์จากการเชื่อมโยงจุดแข็ง จุดอ่อน โอกาส และภัยคุกคามขององค์กร
- TOWS Matrix ช่วยให้องค์กรสามารถใช้จุดแข็งเพื่อตอบสนองต่อโอกาส และลดจุดอ่อนเพื่อป้องกันภัยคุกคามได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- TOWS Matrix แตกต่างจาก SWOT Analysis ตรงที่เน้นการสร้างกลยุทธ์ที่สามารถนำไปปฏิบัติได้จริง
- การสร้าง TOWS Matrix ประกอบด้วยการจับคู่ปัจจัยภายในและภายนอกเพื่อพัฒนากลยุทธ์ในแต่ละด้าน เช่น SO, ST, WO, และ WT
- องค์กรสามารถใช้ TOWS Matrix เพื่อรับมือกับความท้าทายทางธุรกิจและสร้างโอกาสใหม่ ๆ ในตลาด
- หากต้องการนำ TOWS Matrix มาใช้จริงในองค์กร ควรมีการฝึกอบรมที่มุ่งเน้นการพัฒนากลยุทธ์
TOWS Matrix คือ เครื่องมือในการวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ที่ช่วยองค์กรสร้างกลยุทธ์จากการเชื่อมโยงปัจจัยภายในและภายนอก โดยใช้แนวคิดเดียวกับ SWOT Analysis คือ การรวมจุดแข็ง (Strengths), จุดอ่อน (Weaknesses), โอกาส (Opportunities) และภัยคุกคาม (Threats) ซึ่งช่วยให้องค์กรพัฒนากลยุทธ์ที่สามารถจัดการกับความท้าทายและสร้างโอกาสในการเติบโตแต่ TOWS Matrix เน้นการจัดทำกลยุทธ์ที่สามารถนำไปปฏิบัติได้มากขึ้น โดยการจับคู่ปัจจัยภายในและภายนอกที่สัมพันธ์กัน
ใน TOWS Matrix เราจะพิจารณา 4 ปัจจัยหลักและสร้างกลยุทธ์จากการจับคู่ปัจจัยเหล่านั้น ได้แก่:
- SO (Strengths-Opportunities) Strategies: ใช้จุดแข็งในการคว้าโอกาส
- ST (Strengths-Threats) Strategies: ใช้จุดแข็งเพื่อรับมือกับภัยคุกคาม
- WO (Weaknesses-Opportunities) Strategies: แก้ไขจุดอ่อนเพื่อใช้ประโยชน์จากโอกาส
- WT (Weaknesses-Threats) Strategies: ลดจุดอ่อนเพื่อป้องกันภัยคุกคาม
SWOT Analysis และ TOWS Matrix เป็นเครื่องมือในการวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ที่ใช้เพื่อช่วยให้องค์กรเข้าใจสถานะและทิศทางของตนเอง โดยทั้งสองเครื่องมือมุ่งเน้นไปที่การวิเคราะห์จุดแข็ง (Strengths), จุดอ่อน (Weaknesses), โอกาส (Opportunities) และภัยคุกคาม (Threats) ขององค์กร อย่างไรก็ตาม มีความแตกต่างที่สำคัญบางประการระหว่าง TOWS Matrix และ SWOT Analysis:
ความเหมือนกัน
- ทั้ง SWOT Analysis และ TOWS Matrix ใช้แนวคิดพื้นฐานเดียวกันในการวิเคราะห์ปัจจัยภายใน (จุดแข็งและจุดอ่อน) และปัจจัยภายนอก (โอกาสและภัยคุกคาม) ที่มีผลต่อองค์กร
- เครื่องมือทั้งสองมุ่งเน้นให้ผู้บริหารหรือผู้ที่เกี่ยวข้องสามารถมองเห็นสภาพแวดล้อมขององค์กรได้ชัดเจนขึ้น เพื่อเตรียมกลยุทธ์ที่เหมาะสม
ความแตกต่างกันเมื่อทำการวิเคราะห์เชิงลึก
- SWOT Analysis หรือ SWOT Matrix มุ่งเน้นที่การระบุจุดแข็ง จุดอ่อน โอกาส และภัยคุกคามแยกกัน แต่ไม่ได้เชื่อมโยงปัจจัยเหล่านี้เข้าด้วยกันอย่างชัดเจน
- TOWS Matrix เน้นการจับคู่ปัจจัยภายในและภายนอกเข้าด้วยกันเพื่อสร้างกลยุทธ์ที่สามารถนำไปปฏิบัติได้ เช่น การใช้จุดแข็งเพื่อคว้าโอกาส หรือการแก้ไขจุดอ่อนเพื่อป้องกันภัยคุกคาม
- SWOT Analysis เป็นเพียงเครื่องมือที่ช่วยในการวิเคราะห์และทำความเข้าใจสถานการณ์ขององค์กรเท่านั้น แต่ไม่สามารถสร้างกลยุทธ์ที่ชัดเจนได้โดยตรง
- TOWS Matrix ต่อยอดจากการวิเคราะห์ SWOT โดยการพัฒนากลยุทธ์จากการเชื่อมโยงปัจจัยต่างๆ ซึ่งทำให้สามารถสร้างแนวทางที่เป็นรูปธรรมและนำไปปฏิบัติได้จริง
- SWOT Analysis เหมาะสำหรับการเริ่มต้นทำความเข้าใจสถานการณ์ขององค์กรก่อนการวางแผน
- TOWS Matrix เหมาะสำหรับการใช้ข้อมูลจาก SWOT มาต่อยอดเพื่อสร้างกลยุทธ์ที่สามารถนำไปสู่การปฏิบัติจริง
TOWS Matrix เป็นเครื่องมือเชิงกลยุทธ์ที่องค์กรใช้ในการจับคู่ปัจจัยภายใน (จุดแข็งและจุดอ่อน) กับปัจจัยภายนอก (โอกาสและภัยคุกคาม) เพื่อสร้างกลยุทธ์ที่สามารถนำไปปฏิบัติได้จริง โดยมีการพัฒนากลยุทธ์ที่สำคัญ 4 ประเภท ซึ่งแต่ละประเภทมีความสัมพันธ์กับปัจจัยต่าง ๆ ในการวิเคราะห์ Five Forces Model และ Digital Transformation
กลยุทธ์เชิงรุก (SO)
กลยุทธ์เชิงรุก (SO - Strengths-Opportunities)
กลยุทธ์นี้เน้นการใช้จุดแข็งภายในองค์กรในการคว้าโอกาสจากภายนอก เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในตลาด ตัวอย่างของการใช้กลยุทธ์เชิงรุกคือการที่องค์กรที่มีความแข็งแกร่งในด้านเทคโนโลยีสามารถใช้ประโยชน์จาก Digital Transformation เพื่อขยายตลาดหรือเพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการดิจิทัล เช่น การนำ AI มาปรับปรุงประสบการณ์ลูกค้า หรือนำระบบ Cloud มาเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการธุรกิจ
กลยุทธ์เชิงรับ (WT)
กลยุทธ์เชิงรับ (WT - Weaknesses-Threats)
กลยุทธ์นี้ใช้เพื่อป้องกันหรือลดผลกระทบจากจุดอ่อนภายในและภัยคุกคามภายนอก องค์กรจะต้องหาวิธีป้องกันความเสี่ยงหรือปัญหาที่อาจเกิดขึ้นจากปัจจัยทั้งสอง ตัวอย่างเช่น ในกรณีที่องค์กรมีจุดอ่อนด้านนวัตกรรมและเผชิญกับภัยคุกคามจากคู่แข่งในตลาดที่ปรับตัวเข้าสู่ Digital Transformation เร็วกว่าหรือมีเทคโนโลยีที่เหนือกว่า องค์กรอาจพิจารณาเพิ่มทรัพยากรเพื่อการพัฒนานวัตกรรม หรือหาพันธมิตรทางธุรกิจที่มีเทคโนโลยีที่สามารถตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรม
กลยุทธ์เชิงป้องกัน (ST)
กลยุทธ์เชิงป้องกัน (ST - Strengths-Threats)
กลยุทธ์นี้มุ่งเน้นไปที่การใช้จุดแข็งขององค์กรเพื่อรับมือกับภัยคุกคามจากภายนอก เช่น การเปลี่ยนแปลงในตลาดหรือการเข้ามาของคู่แข่ง การที่องค์กรมีความแข็งแกร่งในด้านการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ สามารถนำไปใช้เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่หรือการบริการที่มีความยืดหยุ่นต่อการเปลี่ยนแปลงของ Five Forces Model เช่น การใช้เทคโนโลยีเพื่อสร้างผลิตภัณฑ์ที่มีความแตกต่างและทำให้ลูกค้าภักดีต่อแบรนด์มากขึ้น
กลยุทธ์เชิงแก้ไข (WO)
กลยุทธ์เชิงแก้ไข (WO - Weaknesses-Opportunities)
กลยุทธ์เชิงแก้ไขเน้นการแก้ไขจุดอ่อนขององค์กรเพื่อให้สามารถคว้าโอกาสจากปัจจัยภายนอกได้ ตัวอย่างเช่น หากองค์กรขาดความสามารถด้านการตลาดดิจิทัล แต่เห็นโอกาสในการเติบโตของตลาดออนไลน์ องค์กรสามารถลงทุนในการฝึกอบรมพนักงานเพื่อเพิ่มทักษะด้านนี้ หรืออาจพัฒนาความร่วมมือกับบริษัทภายนอกที่มีความเชี่ยวชาญด้าน Digital Transformation เพื่อเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันในตลาดออนไลน์
การวิเคราะห์ TOWS Matrix เป็นกระบวนการสำคัญในการพัฒนากลยุทธ์ที่เชื่อมโยงระหว่างปัจจัยภายในและภายนอกขององค์กร เพื่อช่วยให้ธุรกิจสามารถปรับตัวและพัฒนาในตลาดที่เปลี่ยนแปลงได้อย่างมีประสิทธิภาพ ขั้นตอนการวิเคราะห์ TOWS Matrix สามารถสรุปได้ดังนี้:
1. การทำ SWOT Matrix เบื้องต้น (SWOT Analysis)
ขั้นตอนแรกของการวิเคราะห์ TOWS Matrix คือการทำ SWOT Analysis เพื่อระบุ จุดแข็ง (Strengths), จุดอ่อน (Weaknesses), โอกาส (Opportunities) และภัยคุกคาม (Threats) ขององค์กร ซึ่งเป็นการวิเคราะห์พื้นฐานเพื่อทำความเข้าใจสถานการณ์ปัจจุบันของธุรกิจ การทำ SWOT ช่วยให้เห็นภาพรวมของสถานการณ์และสภาพแวดล้อมขององค์กร
2. การระดมความคิด (Brainstorming)
หลังจากที่ได้ข้อมูลจากการทำ SWOT แล้ว การ Brainstorming เป็นขั้นตอนถัดไป ซึ่งเป็นกระบวนการที่ทีมงานหรือผู้บริหารจะนำข้อมูล SWOT มาประมวลผลและระดมความคิดร่วมกันเพื่อค้นหาแนวทางในการพัฒนากลยุทธ์ โดยจะต้องจับคู่ปัจจัยต่างๆ ระหว่างปัจจัยภายใน (จุดแข็งและจุดอ่อน) กับปัจจัยภายนอก (โอกาสและภัยคุกคาม) ให้เกิดเป็นแนวทางกลยุทธ์ที่สอดคล้องกับเป้าหมายขององค์กร
3. การจัดทำ TOWS Matrix
เมื่อได้แนวทางจากการ Brainstorming แล้ว ขั้นตอนนี้จะเป็นการนำปัจจัยที่วิเคราะห์ได้มาจัดเป็นตาราง TOWS Matrix เพื่อพัฒนากลยุทธ์ในแต่ละด้าน
4. การนำกลยุทธ์ไปปฏิบัติ (Strategy Implementation)
หลังจากได้กลยุทธ์ในแต่ละด้านจากการจัดทำ TOWS Matrix แล้ว ขั้นตอนถัดไปคือการนำกลยุทธ์เหล่านั้นไปปฏิบัติจริง โดยการกำหนดแผนงานที่ชัดเจนและการติดตามผล เพื่อให้มั่นใจว่ากลยุทธ์ที่สร้างขึ้นจะสามารถตอบโจทย์และแก้ไขปัญหาขององค์กรได้จริง
5. การติดตามและปรับปรุง (Monitoring and Refining)
การติดตามผลการดำเนินงานและปรับปรุงกลยุทธ์ตามสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงเป็นขั้นตอนสุดท้ายของการวิเคราะห์ TOWS Matrix เนื่องจากตลาดและสภาพแวดล้อมของธุรกิจมีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ องค์กรจึงต้องทำการตรวจสอบผลของกลยุทธ์ที่นำมาใช้และปรับปรุงตามความจำเป็นเพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ใหม่ๆ
ตัวอย่างของการวิเคราะห์ TOWS Matrix กรณีศึกษาเพื่อนำไปใช้ในธุรกิจ สามารถดูได้จากบริษัท Apple Inc. ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้นำด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมระดับโลก
- จุดแข็ง (Strengths): Apple มีจุดแข็งที่ชัดเจนในด้านการออกแบบผลิตภัณฑ์ที่เป็นเอกลักษณ์และมีคุณภาพสูง เช่น iPhone, iPad และ MacBook ที่ได้รับการยอมรับในตลาดทั่วโลก นอกจากนี้ ยังมีระบบนิเวศ (ecosystem) ของบริการที่ครบวงจร เช่น iCloud, App Store และ Apple Music ที่ทำให้ผู้ใช้สามารถเชื่อมต่อและใช้บริการได้อย่างราบรื่น
- จุดอ่อน (Weaknesses): อย่างไรก็ตาม Apple ก็มีจุดอ่อนในเรื่องของราคาที่ค่อนข้างสูง ซึ่งอาจทำให้กลุ่มลูกค้าบางกลุ่มไม่สามารถเข้าถึงผลิตภัณฑ์ได้
- โอกาส (Opportunities): ในช่วงที่ตลาดเกิดการเปลี่ยนแปลงสู่ยุค Digital Transformation บริษัทมีโอกาสที่จะขยายตลาดผ่านบริการดิจิทัลที่เชื่อมโยงกับอุปกรณ์ต่าง ๆ เช่น บริการสตรีมมิ่งและการให้บริการเนื้อหาดิจิทัล ซึ่งเป็นที่ต้องการของผู้บริโภคในยุคใหม่
- ภัยคุกคาม (Threats): Apple เผชิญกับภัยคุกคามจากคู่แข่งในตลาดสมาร์ทโฟน เช่น Samsung และ Huawei ที่มีผลิตภัณฑ์ที่มีราคาถูกกว่า นอกจากนี้ การพึ่งพาห่วงโซ่อุปทานที่กระจุกตัวในบางภูมิภาคอาจทำให้เกิดความเสี่ยงในกรณีที่มีเหตุการณ์ที่ส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่อุปทานเหล่านั้น เช่น การแพร่ระบาดของโรค หรือความไม่มั่นคงทางการเมือง
การวิเคราะห์ TOWS Matrix สำหรับ Apple
- SO (Strengths-Opportunities) Strategy: Apple สามารถใช้จุดแข็งด้านการออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์และความเชื่อมโยงของระบบนิเวศในผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ เพื่อขยายธุรกิจบริการดิจิทัล เช่น การพัฒนาเนื้อหาสตรีมมิ่งหรือการเพิ่มบริการออนไลน์ที่เชื่อมโยงกับผลิตภัณฑ์
- ST (Strengths-Threats) Strategy: Apple สามารถใช้ประโยชน์จากความเชื่อมั่นของลูกค้าและคุณภาพของผลิตภัณฑ์ เพื่อตอบสนองต่อภัยคุกคามจากคู่แข่งที่ขายสมาร์ทโฟนราคาถูกกว่า ด้วยการมุ่งเน้นการพัฒนาคุณภาพและเพิ่มฟีเจอร์ที่ทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าคุ้มค่ากับการลงทุน
- WO (Weaknesses-Opportunities) Strategy: แม้ Apple จะมีจุดอ่อนในเรื่องของราคาผลิตภัณฑ์ที่สูง แต่สามารถใช้โอกาสจากการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลเพื่อขยายการเข้าถึงของผู้ใช้บริการใหม่ ๆ ผ่านโปรโมชันพิเศษ หรือบริการสมัครสมาชิกที่ทำให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงผลิตภัณฑ์และบริการได้ง่ายขึ้น
- WT (Weaknesses-Threats) Strategy: ในการรับมือกับภัยคุกคามจากคู่แข่งและจุดอ่อนด้านราคาสูง Apple อาจพัฒนาผลิตภัณฑ์ในกลุ่มระดับกลางหรือออกผลิตภัณฑ์ใหม่ที่มีราคาต่ำลง เพื่อเข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่มีงบประมาณจำกัดมากขึ้น
จากการใช้ TOWS Matrix ในการวิเคราะห์นี้ Apple สามารถสร้างกลยุทธ์ที่ตอบสนองต่อสถานการณ์ต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ ยังช่วยให้บริษัทสามารถพัฒนานวัตกรรมใหม่ ๆ ที่ยังคงสร้างความแตกต่างในตลาดและรักษาตำแหน่งผู้นำทางเทคโนโลยี
TOWS Matrix เป็นเครื่องมือสำคัญในการพัฒนากลยุทธ์ที่ตอบสนองต่อทั้งปัจจัยภายในและภายนอกขององค์กร ช่วยให้องค์กรสามารถใช้จุดแข็งและโอกาสได้อย่างเต็มที่ พร้อมรับมือกับจุดอ่อนและภัยคุกคามได้อย่างมีประสิทธิภาพ
หากคุณต้องการนำ TOWS Matrix ไปปรับใช้ในองค์กร Disrupt Ignite มีโปรแกรม In-house Training ที่จะช่วยฝึกอบรมและพัฒนาทีมงานของคุณ ให้พร้อมใช้กลยุทธ์เชิงปฏิบัติได้จริงในทุกสถานการณ์ทางธุรกิจ สามารถติดต่อพวกเราได้ผ่านช่องทาง Website หรือ Facebook : Disrupt Technology Venture