สรุปบทเรียนจากหนังสือขายดีตลอดกาล The 7 Habits of Highly Effective People
หนังสือ The 7 Habits of Highly Effective People หรือในชื่อภาษาไทยคือ ‘7 อุปนิสัย พลิกชีวิต’ เขียนโดย Stephen R. Covey เป็นหนังสือพัฒนาตนเองที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในหนังสือพัฒนาตนเองที่มีอิทธิพลมากที่สุดตลอดกาล ทำยอดขายได้มากกว่า 25 ล้านเล่มทั่วโลก และถูกแปลไปมากกว่า 40 ภาษา
หนังสือเล่มนี้พูดถึง Framework การทำงานของการเป็นคนที่มีประสิทธิภาพสูง ซึ่งเป็นหนึ่งในลักษณะสำคัญของการเป็น Manager หลักสูตร Manager of The Future by Disrupt ได้สรุปใจความสำคัญจากหนังสือสุดคลาสสิกมาให้ผู้อ่านในบทความนี้
- Be Proactive เป็นผู้นำเชิงรุก
Manager ที่ดีต้องเป็นผู้นำเชิงรุก ซึ่งก็คือผู้นำที่มีความรับผิดชอบต่อการตัดสินใจและการลงมือทำของตัวเอง โดยจะมีพฤติกรรมที่มุ่งเน้นไปที่การลงมือทำ และการหาทางออกของปัญหา โดยมีมุมมองต่ออุปสรรคในเชิงบวกและสร้างสรรค์ ซึ่งสามารถฝึกฝนได้ผ่านการโฟกัสทำในสิ่งที่ตนเองสามารถควบคุมได้ และการสร้าง Growth Mindset ที่มองเห็นโอกาสในการพัฒนาอยู่เสมอ ตัวอย่างเช่น ในฐานะ Manager เมื่อเกิดปัญหาผู้นำที่มีความ Proactive จะไม่โทษพนักงานใต้บังคับบัญชาเมื่อเกิดปัญหา แต่จะมุ่งไปที่การมองหาวิธีแก้ไข และวิธีในการป้องกันไม่ให้ปัญหานั้นซ้ำ หรือเวลาที่ได้รับโจทย์ที่ท้าทาย คนที่มีความเป็นผู้นำเชิงรุก จะไม่รอคำสั่ง แต่จะลองหาหนทาง และนำเสนอวิธีการด้วยความพยายามของตนเองก่อน เป็นต้น
- Begin with the End in Mind เริ่มต้นด้วย “เป้าหมาย” ตั้งแต่เริ่ม
เวลาที่เราจะออกเดินทาง สิ่งสำคัญที่เราต้องรู้คือว่า “เราจะไปที่ไหนกัน?” หรือเป้าหมายของการเดินทาง ดังนั้น Manager ที่ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพคือ Manager ที่สามารถกำหนดเป้าหมายของตัวเองได้ และเชื่อมั่นในสิ่งเหล่านั้นเพื่อใช้เป็นแนวทางหรือเกณฑ์ในการตัดสินใจของตัวเอง มีวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนว่าตนเอง หรือทีมงานของเราต้องการบรรลุเป้าหมายอะไร เช่น ผู้นำทีมที่มีเป้าหมายในสร้างวัฒนธรรมทีมเป็นทีมที่สร้างคนเก่ง หรือ Winning Culture จะมีพฤติกรรมและวิธีการที่ตอบสนองต่อเป้าหมายนั่น ไม่ว่าจะเป็นการสร้าง Feedback Culture หรือการสนับสนุนให้มีการไปเรียนนอกสถานที่เพื่อ Reskill และ Upskill คนในทีมอยู่เสมอ
- Put First-Things First อะไรสำคัญให้ทำก่อน
“ช่วงนี้ยุ่งมาก” หรือ “ไม่มีเวลาเลย” เป็นปัญหาคลาสสิกที่ Manager หลาย ๆ คนเจอ และเคล็ดลับคือการมองภาพใหญ่แล้วจัดลำดับความสำคัญ (ซึ่งเป็นวิธีแก้ปัญหาที่คลาสสิกมากเช่นกัน) โดยต้องไม่ลืมว่าความสำคัญไม่ใช่ความเร่งด่วนเสมอไป การจัดลำดับความสำคัญสามารถเริ่มต้นได้ง่าย ๆ ไม่ว่าจะเป็นการเปรียบเทียบระหว่าง “ความสำคัญ” และ “ความเร่งด่วน” เพื่อที่เราจะได้ลงมือทำงานที่สำคัญและจำเป็นจริง ๆ เพื่อให้เป้าหมายของทีมและองค์กรสำเร็จไปอีกขั้นนั่นเอง
- Think Win-Win - คิดแบบวินวิน
การเป็น Manager ก็เหมือนเป็นลูกคนกลาง ดังนั้นคือการมองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างรอบด้าน แล้วหาวิธีแก้ปัญหาที่เป็นประโยชน์ต่อทุกฝ่ายไม่ทำให้ทั้งตัวเองและผู้อื่นเสียประโยชน์ของตัวเองเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ในบริหารสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับทีมในฐานะผู้จัดการ เช่น เมื่อทีมของเราตั้งเป้าหมายที่อยากจะทำโปรเจกต์ A ในปีนี้ แต่ด้วยบริบทขององค์กร ไม่ว่าจะเป็นการเงิน หรือเป้าหมายและความพร้อมของแผนกอื่น ๆ ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ผู้จัดการที่ดีจะต้องสามารถคิดและวางแผนเพื่อที่ให้ทีมสามารถบรรลุเป้าหมายได้ ในขณะที่ไม่สร้างผลกระทบเชิงลบหรือทำร้ายผู้อื่นด้วย
- Seek First to Understand, Then to Be Understood เอาใจเขา มาใส่ใจเรา
ไม่ว่าจะในฐานะมนุษย์หรือ Manager คนหนึ่ง การรับฟังผู้อื่นอย่างตั้งใจและพยายามทำความเข้าใจมุมมองของพวกเขา ก่อนที่จะแสดงความคิดเห็นของเราออกไป เพราะบางครั้งการฟังโดยไม่ทำความเข้าใจ อาจนำไปสู่ความขัดแย้ง นำไปสู่บรรยากาศของการสนทนาและการทำงานที่ต้องอยู่ภายใต้ภาวะความกดดัน ตัวอย่างเช่น การที่ลูกน้องทำงานที่ได้รับมอบหลายผิดพลาด ก่อนที่จะเริ่มตำหนิควรจะพูดคุยกับเขา เพื่อทำความเข้าใจก่อนว่าลูกน้องคนนี้มีอุปสรรคอะไร? หรือเขาตั้งใจจะทำอะไรกันแน่? เพราะการเป็นผู้นำที่ดีต้องเข้าใจ “เจตนา” มากกว่า “ผลของการกระทำ” เพื่อที่จะได้ถอดบทเรียนและนำไปพัฒนาคนในทีมต่อไปในอนาคต
- Synergize ประสานงานเพื่อสร้างสิ่งที่ดีกว่า
Manager ที่มีประสิทธิภาพไม่ใช่แค่รับคำสั่งจากเบื้องบนแล้วนำมาทำต่ออย่างเดียว แต่คือการสร้างผลลัพธ์ให้ออกมาดีเกินคาดเพื่อสร้างสรรค์สิ่งใหม่ด้วยการทำงานร่วมกับผู้อื่น โดยในข้อนี้ต้องอาศัยอุปนิสัยที่กล่าวไปก่อนหน้านี้มาร่วมด้วย ไม่ว่าจะเป็นการตั้งเป้าหมายให้ชัด การสื่อสาร หรือการคิดแบบ win-win เพื่อผลงานให้ออกมาแล้วได้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็นปริมาณงานที่เสร็จทำได้มากขึ้น หรือการทำปริมาณงานเท่าเดิมออกมาในระยะเวลาที่ไวขึ้นโดยการดึงศักยภาพของตัวเองและผู้อื่นออกมาเพื่อผลลัพธ์สูงสุดของงาน
- Sharpen the Saw ลับคมทักษะตนเองอยู่เสมอ
“เพราะโลกมีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ อุปนิสัยที่สำคัญคือ ไม่หยุดพัฒนาตัวเอง หมั่นเรียนรู้และฝึกฝนอยู่เสมอ” โดยผู้เขียน Stephen R. Covey ได้พูดถึง 4 ด้านที่ต้องพัฒนา
1.ด้านความรู้ คือการหมั่นศึกษาเพื่อ Up&Reskill ตัวเองให้พร้อมใช้งานอยู่เสมอ
2.ด้านร่างกาย ดูแลรักษาร่างกายให้แข็งแรง เพราะร่างกายคือพาหนะที่เราใช้ขับเคลื่อนไปทำงาน
3.ด้านจิตใจ พัฒนาสุขภาพใจให้เป็นคนที่มีหลักการและเหตุผล เพื่อจะได้ตัดสินใจไม่ผิดพลาด
4.ด้านความสัมพันธ์ บริหารความสัมพันธ์กับผู้คนรอบตัวให้ดีอยู่เสมอโดยฝึกฝนด้าน Soft Skills
จากอุปนิสัย 7 ข้อที่หลักสูตร Manager of The Future ได้หยิบยกมาจากหนังสือ ‘The 7 Habits of Highly Effective People’ ทำให้เราได้สะท้อนตัวเองและผู้อื่นในเรื่องของการทำงาน ซึ่งเป็นหนังสือที่ให้ข้อคิดและยังเป็นการสำรวจตัวเองอีกด้วย สำหรับผู้นำ หรือ Manager ที่ต้องการพัฒนาทักษะการบริหารจัดการ นำไปสู่ความสำเร็จในชีวิตและหน้าที่การงานเพิ่มเติมแบบลงลึกไปถึงเรื่องการบริหารจัดการคนในทีมและภาพธุรกิจ ขอแนะนำหลักสูตร Manager of the Future Batch รุ่นที่ 2 หลักสูตรสำหรับ Manager และคนที่อยากจะพัฒนาตนเองทั้งในด้านการบริหารคนและธุรกิจไปพร้อมกัน
หลักสูตร Manager of the Future รุ่นที่ 2 ได้อัปเดตเนื้อหาและรูปแบบการเรียนรู้ใหม่ล่าสุด ผ่านการถ่ายทอดหัวใจสำคัญของการบริหาร ทั้งในเรื่อง People Management และ Business Acumen ให้ผู้เรียนได้ทั้งความรู้ ทักษะ ผ่านการแลกเปลี่ยน การทำ Workshop และรูปแบบการเรียนรู้ที่หลากหลาย พร้อมกับหัวข้อการเรียนรู้สุดเข้มข้นที่ผู้นำยุคใหม่ไม่ควรพลาด
สมัครเลยวันนี้ พร้อมราคาพิเศษ!
ค่าธรรมเนียมหลักสูตร Early Bird ราคา 48,000 บาท
*เพียงสมัครภายใน 30 เมษายน 2567 นี้
สมัครเรียน: https://bit.ly/43eL2LK
````````````````````````````````````````````
เรียน Onsite ทุกวันศุกร์และเสาร์ 4 ครั้ง
เวลา 9.00 - 17.00 น.
วันศุกร์ และเสาร์ ที่ 5-6 และ 12-13 กรกฎาคม 2567
+ Company Visit วันที่ 18 กรกฎาคม 2567
ที่โรงแรมชั้นนำในกรุงเทพมหานคร
````````````````````````````````````````````
สอบถามเพิ่มเติม
LINE: @disruptignite
Email: all@disruptignite.com
Tel: 095-164-6056 ยูกิ, 085-098-1299 บีบี