ไอเดียเจ๋ง App คนไทยเปลี่ยนคนหูหนวกให้คุยกับคนทั่วไปได้

November 16, 2021
Mynch Uranukul

หากนึกถึง EdTech หลายคนมักนึกถึง solution ที่เกี่ยวข้องกับการเรียน online platform หรือว่า tools ที่ช่วยในการเรียนรู้ แต่จริง ๆ มี EdTech รูปแบบอื่น ๆ ที่หลายคนอาจนึกไม่ถึงที่กำลังช่วยกลุ่มคนหนึ่ง แต่ impact นั้นสูงมากถึงขั้น “เปลี่ยนชีวิตคนได้” 

Look ‘n Say คือ Application ที่ช่วยส่งเสริมให้ชีวิตน้อง ๆ ผู้พิการทางการได้ยินและผ่านการใส่อุปกรณ์ช่วยฟัง ได้มีโอกาสฝึกพูด ฝึกออกเสียง เพื่อเพิ่มโอกาสในการเข้าสู่สังคม และมีโอกาสที่ดีขึ้น จากเดิมที่อาจต้องอยู่โรงเรียนฝึกภาษามือ เปลี่ยนให้สามารถเข้าไปเรียนโรงเรียนทั่วไปได้

พลิกชีวิตคนหูหนวก ด้วย Application ฝีมือคนไทยสุดเจ๋ง

หลายคนอาจคิดว่า หากน้อง ๆ ผู้พิการทางการได้ยินได้รับการผ่าตัดใส่เครื่องช่วยฟังแล้ว จะสามารถได้ยินและพูดได้ทันที แต่ความจริง คือ พวกเขาไม่เคยพูด และไม่เคยได้ยินมาก่อน จึงยากที่จะสามารถพูดสื่อสารและฟังได้ทันที หากนึกภาพไม่ออก อยากให้ลองคิดถึงเด็กเล็กที่ฝึกพูด ซึ่งต้องใช้เวลานานกว่าจะเริ่มมีพัฒนาการพูดได้คล่อง

Look ‘n Say มองเห็นช่องโหว่ ปัญหาตรงนี้ที่ยังไม่มีใครแก้ จึงได้ร่วมพัฒนา application กับผู้เชี่ยวชาญ และได้รับการสนับสนุนจากกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) เพื่อให้ความช่วยเหลือน้อง ๆ ผู้พิการในการฝึกพูดและออกเสียง ซึ่งช่วยประหยัดเวลาในการเดินทางไปยังศูนย์ฝึก และค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่จะตามมาอีกมากมาย

สำหรับค่าใช้จ่ายและเวลาที่จะต้องสูญเสียไป เพื่อเข้ารับการฝึกพูดในแต่ละเดือน หากไม่มี Application นี้ จากการสำรวจของทีมงานพบว่า มีค่าใช้จ่ายและเวลาที่ต้องเสียไป ดังนี้:

1. ค่ารถ: ขึ้นกับระยะทาง ซึ่งหากมีแอปนี้จะช่วยให้หลายท่านประหยัดไปได้ 1,200-1,800 บาท/เดือน
2. ค่าฝึก (Rehabilitation): สำรวจจากศูนย์ฝึกการได้ยินเอกชน ครั้งละ 1,200 - 1,800 บาท/ชั่วโมง หรือประมาณ 3,600 - 5,400/เดือน
3. ค่าอาหาร: กรณีเด็กเล็ก อาจต้องเตรียมขนม นม หรืออาหารสำรองระหว่างเดินทาง เพื่อป้องกันไม่ให้เด็กงอแง อีกประมาณ 600 บาท/เดือน
4. ค่าที่พัก: ในกรณีที่ต้องเดินทางมาจากจังหวัดที่อยู่ไกลออกไปจากศูนย์ฝึก จะมีค่าใช้จ่ายประมาณ 3,000-6,000 บาท/เดือนฃ
5. เวลาในการเดินทาง (3-6 วัน/เดือน)
6. เวลาในการรอคิวและขั้นตอนต่าง ๆ ของทางศูนย์ฝึก, เวลาที่ใช้ในการฝึก รวมแล้วใช้เวลาหมดไป 1 วันเต็ม ๆ

บทสรุปแห่งความสูญเสีย

เราจะต้องหมดค่าใช้จ่ายไปกับความจำเป็นข้างต้นราว ๆ 8,400-13,800 บาท/เดือน และนอกจากนี้ ผู้ปกครองบางครอบครัวยังต้องลาหยุดงานทุกเดือน เพื่อพาบุตรหลานมาฝึกที่ศูนย์ฯ ทำให้เสียโอกาสจากรายได้ในการทำงานลงไปอีก

และที่โชคร้ายไปกว่านั้น ในช่วงโควิดที่ผ่านมา ศูนย์ฝึกปิดทำการชั่วคราวเพื่อป้องกันการระบาด ซึ่งหากไม่มี application นี้ เด็ก ๆ ที่ได้รับการผ่าตัดนั้น ก็แทบจะไม่มีโอกาสได้ฝึกฝนมากเท่าที่ควรอย่างแน่นอน

โดย application ของ Look ‘n Say ครอบคลุมหลากหลายทักษะที่จำเป็นสำหรับน้อง ๆ ทั้งการรับรู้และแยกแยะเสียง เรียนรู้จังหวะและออกเสียงตาม เรียนรู้การออกเสียงพูด รวมถึงมีสมุดพกออนไลน์ไว้ติดตามพัฒนาการของน้อง ๆ เพราะหลาย ๆ ครั้งเมื่อผู้ปกครองไปพบผู้เชี่ยวชาญ มักจะเจอกับปัญหาเช่น ผู้ปกครองที่ฝึกบุตรหลานที่บ้าน ลองเคาะสิ่งต่าง ๆ ให้ฟัง ก็มักจะจดบันทึกเพื่อนำผลไปให้ผู้เชี่ยวชาญวินิจฉัย เมื่อเดินทางไปพบผู้เชี่ยวชาญ อาจจะลืมสมุดบันทึก หรือลืมจดบันทุกรายละเอียดบางอย่าง ทำให้การวินิจฉัยนั้นคาดเคลื่อนกับความเป็นจริงได้ Look ‘n Say ทำให้การบันทึกเก็บข้อมูลพัฒนาการต่าง ๆ แม่นยำ ต่อเนื่องและชัดเจนมากยิ่งขึ้น ทำให้การฝึกฝนน้อง ๆ ง่ายขึ้น

ก้าวต่อไปของ Look ‘n Say 

ตลอดระยเวเลาที่ผ่านมา ทางทีมได้พัฒนาบทเรียนพร้อมกับ Level ต่าง ๆ ได้ครอบคลุมกลุ่มผู้เรียนตั้งแต่ระดับเริ่มต้นจนถึงระดับที่ยากขึ้น และผ่านการทดสอบจากผู้ใช้งานมาจำนวนหนึ่งแล้ว แต่การพัฒนาจะยังสิ้นสุดลงไม่ได้ เนื่องจากทางทีมยังมีความต้องการที่จะขยายการใช้งานไปยังหน่วยงานต่าง ๆ ที่ดูแลน้อง ๆ เหล่านี้ ไม่ว่าจะเป็นโรงพยาบาล, โรงเรียน, และศูนย์ฝึกต่าง ๆ เพื่อให้หน่วยงานดังกล่าว ได้มีโอกาสนำไปทดสอบใช้งานจริง เพื่อให้แอปพลิเคชั่นนี้ได้พัฒนาต่อยอดขึ้นไป สร้างประสบการณ์ผู้ใช้งานที่ดียิ่งขึ้น และเพื่อสร้างให้เกิดประโยชน์ในวงกว้าง ซึ่งไม่ได้เจาะจงเฉพาะน้อง ๆ ผู้พิการทางการได้ยินเท่านั้น แต่ยังสามารถใช้เป็นเครื่องมือช่วยทดสอบการได้ยินเบื้องต้นในเด็กเล็ก ที่ผู้ปกครองอาจสงสัย หรือต้องการตรวจสอบการได้ยินของลูก ว่ามีความผิดปกติหรือไม่

หากสนใจ application นี้ สามารถติดต่อเข้ามาที่เพจของ Look ‘n Say : https://www.facebook.com/LookAndSayThailand/ เพื่อร่วมสร้างความเปลี่ยนแปลงไปพร้อม ๆ กัน


สำหรับใครอยากรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ EdTech ที่สร้าง impact ในรูปแบบที่ไม่เหมือนใครแบบนี้ รวมถึงอัพเดตเทรนด์ innovation การศึกษาและการเรียนรู้ในอนาคต ห้ามพลาด ! กับงาน StormBreaker x EEF Demo Day นวัตกรรมทางการศึกษาในโลกหลังโควิด 19  (Education in a post-COVID world) จัดขึ้นในวันที่ 18 พ.ย. 2564 เวลา 17.00 - 19.00 น. ผ่าน Facebook และ Youtube Live 

รายละเอียดเพิ่มเติม คลิก: https://www.facebook.com/DisruptUniversity/posts/4419312564828473


Update ความรู้จาก Disrupt ได้ที่ช่องทาง