Pat Thitipattakul
Corporate Innovation Manager
จะเป็นอย่างไร หากใช้หุ่นยนต์มาเสิร์ฟกาแฟ?
นี่คือคำถามที่ Henry Hu ถามกับตัวเอง ซึ่งต่อมาเขาก็ได้ก่อตั้ง CafeX ร้านกาแฟอัจฉริยะ ในปี 2015 ในตอนที่เขาอายุเพียง 23 ปีเท่านั้น ผู้เขียนมีโอกาสได้ไปลองใช้บริการที่ร้าน CafeX 2 สาขาในเมืองซานฟรานซิสโก ประเทศสหรัฐอเมริกามาและเกิดความประทับใจเป็นอย่างมาก ในบทความนี้จึงอยากเล่าประสบการณ์และส่งต่อเรื่องราวธุรกิจ CafeX คาเฟ่แห่งอนาคต
Cafe X เกิดขึ้นมาจาก pain point ของตัวผู้ก่อตั้งเอง Henry ชอบดื่มกาแฟมาก แต่เกลียดการต่อแถวยาวเหยียดเพื่อสั่งกาแฟ อีกทั้งต้องรอนานกว่าจะได้กาแฟ เขารู้สึกเสียเวลาเป็นอย่างมาก ในระหว่างที่รอ เขาจึงลองสังเกตการทำงานของพนักงานในร้านกาแฟ แล้วพบว่ามีปัญหาเรื่องประสิทธิภาพในหลายจุด เช่น ในระหว่างที่พนักงานกดเครื่องชงกาแฟ ก็ต้องรอกาแฟช็อต Espresso ออกมาจากเครื่องให้เสร็จก่อน จึงจะทำขั้นตอนต่อไปคือใส่นม แล้วยังต้องสลับแก้วหมุนไปมา จึงเกิดความคิดสงสัยว่า ถ้านำหุ่นยนต์เข้ามาทำงาน ลดหรือสลับขั้นตอน แล้วมันจะเร็วขึ้นไหม?
ประเด็นที่น่าสนใจคือ ณ ตอนนั้น Henry อายุเพียง 23 เท่านั้นและยังเรียนอยู่ในมหาวิทยาลัย เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะสร้างหุ่นยนต์ขึ้นมาอย่างไร มีเพียงแค่ความรู้บางส่วนเรื่องเครื่องจักรผลิตรถในโรงงาน แต่ด้วยความแน่วแน่ เขาตัดสินใจขายรถ และขอเงินลงทุนจากเพื่อนและครอบครัว มาจ้างโปรแกรมเมอร์ในฮ่องกงสร้างระบบปฏิบัติการแรกขึ้นมา โดยตัวแขนหุ่นยนต์ก็ไม่ได้ให้ทำอะไรซับซ้อน เลียนแบบมาจากแขนหุ่นยนต์ที่ใช้ในโรงงาน นำมาเขียนชุดคำสั่งใหม่สำหรับการชงกาแฟ หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็ได้รับทุนจากโครงการสนับสนุนผู้ประกอบการของ Peter Thiel หนึ่งในผู้ก่อตั้ง Paypal จึงตัดสินใจลาออกจากมหาวิทยาลัยมาทำ Cafe X เต็มตัว
หลังจากการพัฒนาระบบเป็นเวลา 2 ปีเต็มและการทดสอบในฮ่องกง Cafe X เปิดตัวสาขาแรกในสหรัฐอเมริกาในปี 2017 โดยได้รับการขนานนามว่าเป็นคาเฟ่หุ่นยนต์แห่งแรกของโลก ได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก ระดมทุนจากนักลงทุนชื่อดังได้มากถึง 12 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยมีทีมงาน full-time เพียงแค่ 20 คน ปัจจุบันมีสาขาหลัก 3 สาขา หุ่นยนต์ 1 เครื่องมีต้นทุนในการผลิต 25,000 เหรียญสหรัฐ ระบบปฏิบัติการรุ่นใหม่ล่าสุดสามารถสั่งการให้หุ่นยนต์ผลิตกาแฟ 3 แก้วพร้อมกันได้ในเวลาเพียง 40 วินาทีเท่านั้น ตอบโจทย์คนที่จำเป็นต้องเร่งรีบ
โดยรวมค่อนข้างประทับใจด้วยประสบการณ์สั่งที่แปลกใหม่ ใช้งานง่าย สะดวกรวดเร็ว รสชาติดี แต่ราคาจัดว่ายังสูงไปหน่อย แนะนำให้ทุกท่านที่ไปซานฟรานซิสโกไปลองชิมดูสักครั้ง
ทีมงาน Cafe X มองว่าต้องการนำหุ่นยนต์มาใช้ทำงานในขั้นตอนที่ซ้ำซากและน่าเบื่อ จริงอยู่ว่าร้านกาแฟ Cafe X ไม่มีบาริสต้าเลย แต่ทีมงานผู้ก่อตั้งก็มองว่าพวกเขาได้สร้างงานรูปแบบใหม่ขึ้นมา เช่น Coffee Bar Specialist ซึ่งมีหน้าที่คอยให้คำแนะนำลูกค้า ดูแลความเรียบร้อยของร้าน เติมเมล็ดกาแฟในเครื่อง ตรวจสอบและบันทึกการทำงานของหุ่นยนต์ ซึ่งเป็นงานที่ใช้ทักษะระดับสูงขึ้น ความเหนื่อยกายน้อยลง เขามองว่าทุกคนควรมีโอกาสที่ได้ทำงานรูปแบบใหม่ ๆ ใช้ความคิดสร้างสรรค์ แล้วปล่อยให้งานซ้ำซากที่คนไม่ค่อยอยากทำกันเป็นหน้าที่ของหุ่นยนต์ไป
Cafe X นับว่าเป็นอีกหนึ่งเทคโนโลยีที่น่าจับตามอง ยิ่งในยุคที่ผู้บริโภคต้องการความสะดวกสบายมากที่สุด คนเริ่มไม่ต้องการต่อคิวอีกต่อไป มีการเปลี่ยนแปลงมากมายในอุตสาหกรรมอาหาร อีกทั้งการนำหุ่นยนต์มาใช้ ยังช่วยลดต้นทุนในระยะยาว ควบคุมการผลิตให้เป็นไปตามขั้นตอนมาตรฐาน ทำให้เจ้าของธุรกิจสามารถสร้างผลิตภัณฑ์ที่คุณภาพดีได้โดยยังคงราคาเท่าเดิม เพิ่มคุณค่าให้ลูกค้า
ติดตามข่าวสารความรู้ในวงการสตาร์ทอัพได้ทางเพจ Disrupt Technology Ventureและพบกันที่งาน Education Disruption Conference 2020: Reimagine Thailand’s Education 2030, Virtual Conference ที่จะพาทุกคนมาเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ของการศึกษาไทยที่กำลังจะเกิดขึ้น ผ่าน Content สุด exclusive จากผู้เชี่ยวชาญระดับโลกมากมาย พร้อมทั้งฟังประสบการณ์ จาก EdTech Startups และ Social Entrepreneurs ที่ประสบความสำเร็จทั้งในไทยและต่างประเทศ ลงทะเบียนได้แล้ววันนี้ ที่นี่
ขอขอบคุณข้อมูลบางส่วนจาก Business Insider และ Techcrunch