Typp Sathitanont
A writer who loves creating content, community building and all things social media.
ธุรกิจความงามเป็นธุรกิจที่ตลาดเติบโตอย่างต่อเนื่อง การเข้ามาของเทคโนโลยี อาจจะไม่ก่อให้เกิดผลกระทบ แต่กลับเป็นการสร้างโอกาสมหาศาลให้กับตลาดนี้ ในแง่ของลูกค้า เทคโนโลยีที่ล้ำหน้าจะยิ่งช่วยเพิ่มความสะดวกสบายให้กับชีวิต สอดคล้องกับยุคสมัยใหม่ที่เร่งรีบ และช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้กับผลิตภัณฑ์หรือสินค้านั้น ๆ รวมถึงเพิ่มการเข้าถึงตลาดกลุ่มใหม่ ๆ อีกด้วย
ปี 2020 นี้อาจจะเป็นปีแห่งความรุ่งเรืองของ Beauty tech ทั้งในไทยและต่างประเทศ ไปดูกันว่าจะมีเทคโนโลยีและนวัตกรรมอะไรเจ๋ง ๆ มาให้เราได้สัมผัสกันบ้าง
จาก pain point ของผู้ใช้สกินแคร์ที่ประสบกับปัญหาใช้มาหลายตัวแล้วไม่ตอบโจทย์ เพราะผลิตภัณฑ์ในท้องตลาดส่วนใหญ่ค่อนข้าง mass ไม่ตรงกับสภาพผิวและตอบปัญหาผิวไม่ตรงจุด ถ้าจะให้ดี ก็มีเป็นสูตรของตัวเองเลยดีกว่ามั้ย ?
Shiseido แบรนด์เครื่องสำอางค์รายใหญ่ จึงนำเทคโนโลยี AI เข้ามาช่วยเปลี่ยนชีวิตคนยุคดิจิทัลที่เร่งรีบ ยุ่งยาก ให้แค่ใช้สกินแคร์ตัวเดียวจบ แก้ปัญหาผิวอย่างตรงจุด ครบทุกปัญหาผิวอย่าง "Shiseido’s Optune"สกินแคร์ที่ทำงานร่วมกับแอพพลิเคชั่นบนสมาร์ทโฟน ผ่าน IoT service พร้อมนำเทคโนโลยี AI มาช่วยวิเคราะห์ตรวจจับสภาพผิวของผู้ใช้ในแต่ละวันแบบเรียลไทม์ แล้วประมวลผล personalize ออกมาเป็นครีมสูตรเฉพาะที่มีส่วนผสมมที่ลงตัวที่สุดให้เหมาะกับสภาพผิวแต่ละวัน และเหมาะกับผิวผู้ใช้งาน
ที่สำคัญ Shiseido’s Optune สามารถออกแบบครีมเฉพาะตัวได้มากถึง 80,000 สูตร ให้คุณได้เป็นเจ้าของครีมบำรุงดูแลผิวที่ดีที่สุดสำหรับตัวเอง
อีกหนึ่งผลิตภัณท์ที่เจาะกลุ่มตลาด personalized beauty อย่าง "Opté Precision Skincare System"
เครื่องลบริ้วรอยและจุดด่างดำเฉพาะจุด แก้ไขจุดบกพร่องบนใบหน้าให้หายไปในทันที เพียงแค่สแกน เครื่องจะวิเคราะห์และตรวจจับ ริ้วรอย หรือ จุดด่างดำต่าง ๆ บนผิวหน้า ด้วยเป้าหมายเพื่อให้ผู้ใช้งานมีผิวที่สวยสมบูรณ์แบบ เครื่องจะเริ่มทำงานด้วยการบำรุงผิวโดยใช้มอยเจอไรเซอร์และซีรั่ม หลังจากนั้นจึงเริ่มปกปิดด้วยการเติมเมคอัพเฉพาะจุดให้โดยอัตโนมัติ ที่เคลมว่าให้ความติดทนยาวนานถึง 24 ชั่วโมง นอกจากนี้ข้อดีของการเติมเมคอัพเฉพาะจุด ยังจะช่วยให้ไม่เปลืองเนื้อผลิตภัณฑ์ และสบายผิว Opté Precision Skincare System ทำงานผ่านระบบอัลกอริทึ่มที่มีความแม่นยำสูง จึงสามารถวิเคราะห์เม็ดสีผิว และเลือกเฉดสีที่เหมาะกับของผู้ใช้แต่ละคนได้ ทำให้ได้ผลลัพธ์เนียนเหมือนกับการใช้ Photoshop เลยทีเดียว
3. แพลตฟอร์มบริการเสริมความงามสัญชาติไทย GoWabi กับการบริการและราคาที่คุณเลือกเอง
"GoWabi" แพลตฟอร์มที่รวบรวมบริการความงามอย่างครบถ้วนกว่า 1,000 แห่งทั่วประเทศ และยิ่งไปกว่านั้นคือผู้ใช้บริการจะได้รับราคาที่ถูกกว่าปกติอีกด้วย รับรองเลยว่า ทั้งสวยและประหยัดในแบบที่คุณเลือกเอง นอกจาก GoWabi จะช่วยมอบประสบการณ์ที่ดีให้กับผู้ใช้บริการแล้ว ยังมีส่วนช่วยสร้างเม็ดเงินในตลาดบิวตี้ให้เติบโตขึ้นเรื่อยๆ เข้ากับกระแสดิจิทัลดิสรัปท์ชั่นที่เปลี่ยนไป ที่พฤติกรรมผู้บริโภคหันมาพึ่งการซื้อขายผ่านทางออนไลน์มากขึ้น GoWabi ให้บริการเสริมความงามแบบครบวงจร โดยที่คุณสามารถค้นหาร้านที่ต้องการ จองและจ่ายเงินได้ตลอด 24 ชั่วโมง ที่สำคัญคือผู้ใช้บริการไม่ต้องรอคิวอีกต่อไป จองเวลาที่สะดวก ถึงร้านปุ๊ป ได้ทำปั๊ป
GoWabi มีบริการเสริมความงามที่หลากหลายมากทั้ง spa & massage, facial treatments, hair removal, eyebrow & eyelash services, hair treatments, manicure & pedicure สามารถเลือกได้เลยตามความต้องการ
สามารถเลือกความสวยในแบบฉบับของตนเอง ผ่านแอพพลิเคชั่นหรือเว็บไซต์ https://www.gowabi.com/th
4. กระจกวิเศษ สไตลิสต์ส่วนตัวที่ช่วยให้ก้าวออกจากบ้านได้อย่างมั่นใจเต็มร้อย
ในที่สุด กระจกวิเศษในนิทานที่เราเคยได้อ่านกัน ก็กลายเป็นรูปธรรมในยุคสมัยนี้ โลกแห่งเทคโนโลยีได้ยกระดับประสบการณ์ความงามด้วย "HiMirror" กระจกอัจฉริยะที่ช่วยสามารถแปลงโฉมเราตั้งแต่หัวจรดเท้า ผ่านการสั่งงานด้วยเสียง Amazon Alexa Voice Control นอกจากนี้ ยังช่วยวิเคราะห์สภาพผิวหน้าอยางละเอียดในแต่ละวันด้วย ผ่านการสแกนใบหน้าด้วย AI พร้อมกับคำแนะนำการดูแลผิวรายบุคคลผ่าน VDO
ล้ำไปอีกขั้นด้วยการนำ AR (Augmented Reality) มาช่วยทดลองแต่งหน้าที่จะช่วยให้การตัดสินใจเลือกใช้เมคอัพง่ายขึ้นมาก ยังมีฟีเจอร์อื่น ๆ ที่น่าสนใจอีกเช่นอีก เช่น Virtual Beauty box บอกคุณได้ว่าผลิตภัณฑ์ตัวไหนที่ใช้แล้วได้ผลกับคุณมากที่สุด พร้อมกับการนำเสนอสินค้าความงามด้วยแบรนด์ดัง ๆ ต่าง ๆ มากมาย มีเซ็นเซอร์วัดอุณหภูมิ วัดความชื้น ระบบเปิดทำงานอัตโนมัติ (Auto-wake-up Sensor) มีการพยากรณ์อากาศแต่ละวัน ตรวจสอบสภาพแสง UV นอกจากนี้ผู้ใช้งานยังสามารถฟังเพลงผ่าน Spotify ได้อีกด้วย
ศาสตร์แห่งการปรุงน้ำหอมได้พัฒนาไปอีกขั้นด้วยเทคโนโลยีขั้นสูงอย่าง AI ถือว่าเป็นการสร้างความแปลกใหม่ให้ตลาดอย่างมาก เพราะปกติแล้ว การปรุงน้ำหอมถือเป็นงานที่ใช้ประสาทสัมผัสผ่านมนุษย์อย่างจมูกในการคัดแยกกลิ่น เลือกกลิ่นที่ดีที่สุด การเข้ามาของ AI จึงมาช่วยรังสรรค์กลิ่นของน้ำหอมให้ตรงตามความต้องการของลูกค้าที่พิเศษและไม่ซ้ำใคร
จนบริษัทด้านเทคโนโลยี IBM ได้พัฒนา AI ที่มีชื่อว่า Philyra โดยนำข้อมูลจากบริษัท Symrise มากำหนดกลุ่มเป้าหมายในการปรุงน้ำหอมเฉพาะตัว ซึ่ง Symrise เป็นบริษัทปรุงน้ำหอมระดับโลกที่ผลิตน้ำหอมให้กับแบรนด์ดัง ๆ มากมาย เช่น Estée Lauder, Avon, Coty และ Donna Karan ล่าสุดได้ดีไซน์น้ำหอมจนกลายเป็นที่นิยมอย่างมากในบราซิล ภายใต้ชื่อแบรนด์ "Egeo ON by O Boticário" ที่ได้รับโจทย์และแรงบันดาลใจจากกลุ่มคนยุค millennials ในประเทศบราซิล
นอกจากนี้ Symrise เองได้ลงทุนในสตาร์ทอัพน้ำหอม Phlur กว่า 6 ล้านเหรียญสหรัฐ ที่ขายน้ำหอมออนไลน์ผ่านการแมทช์เพลงโปรดกับรูปภาพของลูกค้า เพื่อออกแบบน้ำหอมที่แสดงเอกลักษณ์ตัวตนและสะท้อน character ของลูกค้าได้เป็นอย่างดี
ติดตามข่าวสารความรู้ในวงการสตาร์ทอัพได้ทางเพจ Disrupt Technology Ventureและพบกันที่งาน Education Disruption Conference 2020: Reimagine Thailand’s Education 2030, Virtual Conference ที่จะพาทุกคนมาเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ของการศึกษาไทยที่กำลังจะเกิดขึ้น ผ่าน Content สุด exclusive จากผู้เชี่ยวชาญระดับโลกมากมาย พร้อมทั้งฟังประสบการณ์ จาก EdTech Startups และ Social Entrepreneurs ที่ประสบความสำเร็จทั้งในไทยและต่างประเทศ ลงทะเบียนได้แล้ววันนี้ ที่นี่
References
https://www.cbinsights.com/research/report/beauty-trends-2019/?utm_source=CB+Insights+Newsletter&utm_campaign=f4ed7ba455-newsletter_general_Wed_20191120&utm_medium=email&utm_term=0_9dc0513989-f4ed7ba455-90924497
https://www.facebook.com/gowabi/
https://www.fragrantica.com/news/Artificial-Intelligence-AI-The-Digital-Era-in-Perfumes-Arrives-First-in-Brazil-12355.html
https://www.racked.com/2017/1/26/14362724/phlur-fragrance-startup